SmartNSM - Automatic
Business.no+


SmartNSM - Automatic
Business.no+


Mercedes-AMG : พาชมสามทหารเสือที่มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท… พร้อมเรื่องเล่าทีเด็ดท้ายคลิป !!

Thanks! Share it with your friends!

You disliked this video. Thanks for the feedback!


SmartNSM - Automatic
Business.no+


SmartNSM - Automatic
Business.no+


Added by
11 Views
Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ (ราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท)

“Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงสุดหรูที่มอบความเป็นที่สุดในทุกด้านจาก Mercedes-AMG มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังในแบบฉบับ AMG ประกอบขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเพียงผู้เดียว ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแบบ One Man, One Engine ด้วยเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo มอบพละกำลังสูงสุด
476 แรงม้าที่ 2,250-4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที

มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission แบบใหม่ที่สามารถรองรับแรงบิดได้สูง ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที (ultra-short shift times) มีการออกแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว และผสานการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มกำลัง พร้อมระบบช่วยการออกตัวแบบ RACE START ช่วยให้รถสามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.9 วินาที มอบความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง

มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติและในสนามแข่ง โดยจะตอบสนองการเข้าโค้งอย่างปลอดภัยและรวดเร็วโดยไม่เสียการควบคุม ด้วยการกระจายกำลังไปที่ล้อต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และแปรผันตามสภาพถนนเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด

โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง (Sun Yellow) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech Silver) สีเทา (Selenite Grey) สีน้ำเงิน (Hyper Blue) และสีน้ำเงิน (Spectral Blue)


Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ (ราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท)

“Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+” ยนตรกรรมเรือธงในตระกูล GT เจเนอเรชันที่ 2 ของแบรนด์ Mercedes-AMG ครั้งนี้กลับมาเปิดตัวในประเทศไทยด้วยรหัสตัวถัง C192 ออกแบบภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo และติดตั้งในตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์แบบ hot inside “V” ทำให้เครื่องยนต์สามารถสร้างพละกำลังได้สูงถึง 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 800 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยรถรุ่นนี้ได้ถูกปรับแต่งระบบควบคุมเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะและการตอบสนองของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุมระบบอัดอากาศให้เหมาะสมตามการขับขี่ และตกแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ด้วยลายเซ็นของผู้ประกอบที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของ AMG

ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ มีลักษณะตัวถังแบบ Wide Body ด้วยมิติความกว้างถึง 2 เมตร สะท้อน DNA ของรถมอเตอร์สปอร์ตที่ขับขี่ได้จริง กระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grille with V8 Exterior Styling Package และไฟหน้า DIGITAL LIGHT นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package ที่รวมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง และกล้องรอบคัน 360 องศา ที่จะแสดงภาพมุมมองรอบทิศทางแบบ Real-time เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้

โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง (Sun Yellow) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech Silver) สีเทา (Selenite Grey) สีน้ำเงิน (Spectral Blue) สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีแดง (MANUFAKTUR Patagonia Red Bright)


Mercedes-AMG G 63 (ราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท)

“Mercedes-AMG G 63” ยนตรกรรมที่มาพร้อมการผสมผสานระหว่างขุมพลัง สมรรถนะ และเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกของยนตรกรรมออฟโรดสุดหรู ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ที่ออกแบบโดย AMG และเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ มอบพละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 4.5 วินาที พร้อมยกระดับสมรรถนะด้วยระบบ Mild Hybrid ที่ผสานการทำงานเข้ากับพื้นฐานเครื่องยนต์ V8 ภายใต้แนวคิด "One Man, One Engine" เสริมพลังการออกตัวที่เฉียบคม และตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

มาพร้อมดีไซน์ที่สะท้อนความแข็งแกร่งเหนือกาลเวลา แบบ AMG bodystyling กระจังหน้าแบบ AMG Specific Grille และกันชนหน้า AMG-specific front bumper เพื่อเพิ่มความสปอร์ตดุดัน ทั้งยังช่วยในด้านแอโรไดนามิกและการระบายอากาศ ผสานกับไฟหน้า MULTIBEAM LED และการแก้ไขการออกแบบจุดเสา A-pillar ใหม่ทั้งหมด พร้อมการใส่ Spoiler ไว้ด้านบน ช่วยลดเสียงภายในห้องโดยสารลงได้มากถึง 20% นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า

ทั้งยังเป็นครั้งแรกของ G-Class ที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิด ประตูทั้งหมดเป็นแบบ KEYLESS-GO เพียงสัมผัสที่มือจับประตูก็สามารถล็อกหรือปลดล็อกได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ในทุกการเดินทาง

AMG ACTIVE RIDE CONTROL Chassis ระบบช่วงล่างแบบ Active Hydraulic ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ และลดอาการโคลงตัวของรถ โดยสามารถปรับการขับขี่ได้ 2 รูปแบบ คือ Off-Road และ Sport แต่ยังคงไว้ซึ่ง Differential Lock ซึ่งเป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของ G-Class โดยระบบสามารถล็อกเฟืองท้ายได้ถึง 3 จุด แต่ละจุดสามารถล็อกได้เต็ม 100% ช่วยให้รถสามารถขับผ่านพื้นผิวที่มีแรงยึดเกาะต่ำ เช่น โคลน ทราย หิมะ หรือพื้นผิวขรุขระได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยมีสีตัวถังให้เลือกกว่า 8 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (Iridium Silver) สีเงิน (Mojave Silver) สีน้ำเงิน (Sodalite Blue) สีน้ำเงิน (Brilliant Blue) สีเขียว (Emerald Green) และสีเทา (Selenite Grey)
Category
AMG
Show more
Commenting disabled.